พลาสมา

พลาสมาคืออะไร?

พลาสมา คือ ก๊าซที่มีสภาพเป็นไอออน ซึ่งจัดเป็นสถานะที่ 4 ของสสาร พลาสมาสามารถเกิดขึ้นเมื่อก๊าซได้รับการกระตุ้นอย่างเต็มที่โดยอาศัยความร้อนและอุณหภูมิที่สูงมาก ตัวอย่างเช่น ดวงอาทิตย์ ดวงดาว หรือพลาสมาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติบนพื้นโลกในรูปแบบของฟ้าแลบ นอกจากนี้พลาสมาสามารถสร้างได้โดยการใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อทำให้ก๊าซแตกตัวเป็นไอออน

เมื่อนำไปใช้กับผิวหนังมนุษย์ ส่วนประกอบต่าง ๆ ของพลาสมาเย็นจะทำงานร่วมกันเพื่อกระตุ้นกระบวนการรักษาตามธรรมชาติของร่างกาย และในขณะเดียวกันก็ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา

การฆ่าเชื้อ

พลาสมาเย็นสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา รวมถึงสายพันธุ์ที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ

• อิเล็กตรอน และ ไอออน จะเข้าสู่ผิวหนังชั้นนอกและสลายพันธะไฮโดรเจนของโมเลกุลอินทรีย์ เช่น เยื่อหุ้มเซลล์ของแบคทีเรียและไวรัส อิเล็กตรอนสามารถทะลุผ่านผิวหนังของมนุษย์ได้จนถึงชั้นใต้ผิวหนัง นอกจากนี้อิเล็กตรอนยังทำปฏิกิริยาเคมีกับน้ำเพื่อสร้างสารอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้ ส่วนไอออนก็สามารถละลายในน้ำได้ทำให้มีความเป็นกรดมากขึ้น เชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรีย และไวรัส จึงไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพที่เป็นกรด
• สารอนุมูลอิสระออกซิเจน (Reactive Oxygen Species)

คือ อะตอมของออกซิเจนและโมเลกุลที่มีปฏิกิริยาทางเคมี ประกอบด้วย ออกซิเจนและไอออนในสถานะพื้นหรือในสถานะกระตุ้น

– อนุมูลไฮดรอกซิล (Hydroxyl radicals: OH) ทำปฏิกิริยากับโมเลกุลอินทรีย์อย่างรวดเร็วที่กำจัดอะตอมไฮโดรเจนและสร้างอนุมูลอัลคิล (Alkyl radicals) โดยการออกซิไดซ์ หรือทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันในอากาศอย่างรวดเร็ว สารอนุมูลอิสระเหล่านั้นทำลายแคปซูล ซึ่งเป็นโครงสร้างชั้นนอกสุดของเซลล์และผนังเซลล์ของแบคทีเรีย เชื้อจุลินทรีย์ ไวรัส และเชื้อรา ซึ่งทำให้เซลล์เหล่านั้นตายได้

– ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide: H2O2) มีคุณสมบัติเป็นสารฆ่าเชื้อ (Disinfectants) สามารถยับยั้งการเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์สามารถเจาะเข้าไปในนิวเคลียสเพื่อทำลายโมเลกุลดีเอ็นเอและฆ่าเซลล์แบคทีเรีย

– โอโซน (Ozone: O3) เป็นสารออกซิแดนท์ (Oxidant) หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถทำลายผนังเซลล์ของแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราได้เป็นอย่างดี

• สารอนุมูลอิสระไนโตรเจน (Reactive Nitrogen Species) เช่น ไนตริกออกไซด์ (NO) ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) เพอรอกซิไนไตรต์ (ONOO⁻) และกรดไนตรัส (HNO2) สารอนุมูลอิสระเหล่านี้สามารถผ่านเข้าไปในเนื้อเยื่อเพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา แต่จะทำปฏิกิริยาได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับอนุมูลอิสระออกซิเจน
• รังสี UV (Ultraviolet) หรือรังสีอัลตราไวโอเลต มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ ทำลาย DNA และยับยั้งการขยายพันธุ์ของแบคทีเรียได้ดีมาก แม้ว่ารังสี UV จะมีอันตรายต่อผิว แต่เครื่องมิราริผลิตรังสี UV ในระดับที่ปลอดภัยและช่วยถนอมผิว
• แสงที่เห็นได้และความร้อน เกิดขึ้นในปริมาณเล็กน้อย ในทางการแพทย์ ความร้อนและแสงที่เกิดขึ้นนี้ ไม่มีผลต่อผิวหนังอย่างมีนัยสำคัญ
• คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เกิดจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องมิราริ ไม่เป็นอันตรายและไม่มีผลทางการแพทย์เช่นเดียวกับความร้อนและแสงที่มองเห็นได้

กระตุ้นและสนับสนุนกระบวนการรักษาตามธรรมชาติ

นอกจากการฆ่าเชื้อที่ผิวหนังแล้ว พลาสมาเย็นยังช่วยส่งเสริมกลไกการรักษาตามธรรมชาติของร่างกาย ช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่และทำให้ผิวหนังส่วนที่บาดเจ็บหายเร็วขึ้น พลาสมาเย็นมีคุณสมบัติหลายประการ ได้แก่

• สร้างสะเก็ดแผล พลาสมาเย็นมีส่วนช่วยในการกระตุ้นกระบวนการสร้างสะเก็ดเพื่อซ่อมแซมผิวหนังให้เร็วขึ้น
• สร้างเนื้อเยื่อ สารอนุมูอิสระไนโตรเจนในพลาสมาเย็นมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
• ลดการอักเสบ พลาสมาเย็นสามารถลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดจากแผล
• สร้างคอลลาเจน คอลลาเจน คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนังและเป็นโครงสร้างของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย พลาสมาเย็นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อช่วยลดการเกิดแผลเป็น
• ปรับค่า pH ของผิว ผิวหนังชั้นนอกของมนุษย์ถูกปกคลุมด้วยน้ำและไลปิดที่เรียกว่า Hydrolipid film ที่ประกอบไปด้วยกรดต่าง ๆ กรดเหล่านั้นปกป้องผิวจากแบคทีเรียและเชื้อรา เปรียบเสมือนเกราะป้องกันผิว นอกจากนี้ผิวหนังชั้นนอกยังมีมอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื่น ช่วยทำให้ผิวอ่อนนุ่ม ซึ่งไอออนในพลาสมาเย็นช่วยลดค่า pH ของผิวหนัง บรรเทาอาการจากโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังและเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ผิว
• ลดการผลิตไขมัน ไขมัน ความมัน หรือไขผิวหนัง (Sebum) คือน้ำมันที่หลั่งออกจากต่อม Sebaceous ที่อยู่ใต้ผิวหนัง พลาสมาเย็นจะช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผิวหนังไม่มันเกินไปและลดการเกิดสิว